วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ราดหน้าฮ่องกง (แต่ราคาไทย ๆ)

เสร็จจากข้าวต้มสะพานเหลืองแล้ว สัปดาห์นี้ผมยังคงวนเวียนอยู่แถว ๆ สามย่านนะครับ แถวนี้ของอร่อยมีให้ทานเยอะมากจนยังตัดใจไปที่อื่นไม่ลง

คราวนี้ข้ามถนนพระรามสี่มาจากฝั่งโบสถ์สะพานเหลืองแล้วเดินย้อนมาทางสามย่านสัก 100 - 200 เมตร ร้านที่ผมจะพาไปชิมคราวนี้เป็นร้านที่ซ่อนอยู่ในซอยจุฬา 46 ที่อยู่ของร้านซ่อนดีมากขนาดที่ผมเพื่งมาค้นเจอเมื่อไม่ถึงปีมานี่เองทั้ง ๆ ที่ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แถว ๆ นี้หลายปี

ร้านนี้มีชื่อร้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนะครับ ชื่อว่า "เล้งกี่ ราดหน้าฮ่องกง" เป็นห้องแถวหนึ่งคูหา มีโต๊ะให้ลูกค้านั่งทานอาหารไม่กี่โต๊ะ เพื่อนกินท่านไหนไม่อยากรอนานก็ควรจะวางแผนนิดหน่อย กะเวลาให้ไปถึงที่ร้านก่อนเที่ยงสักเล็กน้อยก็จะได้รับความสะดวกสะบาย ถ้ามาหลังเที่ยงไปแล้วละก็มีอันได้ยืนรอกันค่อนข้างแน่นอน

อาหารเด็ดรายการแรกของร้านนี้ก็แหงแซะตามชื่อร้านนะครับ ราดหน้ามีให้เลือกทั้งเนื้อวัว หมู และกุ้ง โดยส่วนตัวผมเป็นแฟนเหนียวแน่นของราดหน้าเนื้อวัว ผมยังไม่เคยชิมราดหน้าหมูหรือกุ้งของที่ร้านเลยไม่สามารถพรรณาให้เพื่อนกินทราบได้ แต่ถ้าใครชอบทานราดหน้าเนื้อวัวละก็ห้ามพลาดร้านนี้เด็ดขาด จุดเด่นอยู่ที่เนื้อชิ้นใหญ่และนุ่ม เส้นผัดหอมมาก ๆ ราคาก็ไม่แพงมากจานละ 40 บาท เหมาะสมกับปริมาณและคุณภาพอย่างยิ่ง นอกจากเนื้อ หมู และกุ้งธรรมดาที่ผมว่าไปแล้ว ราดหน้าใส่กุ้งแม่น้ำก็มีนะครับแต่ราคาก็แพงหน่อยตามวัตถุดิบ ถ้าจำไม่ผิดก็ตกจานละ 200 บาท

นอกจากราดหน้าแล้วร้านนี้ก็มีรายการอาหารอื่น ๆ อีกหลากหลายอย่างนะครับ ที่พอจะเดากันได้ก็คือ ก๊วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว และ ก๊วยเตี๋ยวผัดขี้เมา ส่วนที่แตกต่างจากร้านราดหน้าทั่วไปหน่อยก็ได้แก่ เส้นหมี่ผัดกระเฉด และ โกยซีหมี่

แต่มีอาหารหนึ่งอย่างของร้านนี้ที่เป็นอาหารจานพิเศษในใจผม (นอกเหนือจากราดหน้าเนื้อ) คือ ข้าวราดหน้าเนื้อผัดกระเพรา เวลาสั่งต้องย้ำว่าเป็น "เนื้อชิ้น" ไม่งั้นอาจจะเกิดการสับสนและได้ทานผัดกระเพราเนื้อสับแทน ซึ่งรสชาติไม่เลวแต่สู้เนื้อชิ้นไม่ได้ชนิดแพ้หลุดลุ่ย ปรกติน้องผู้ชายที่รับสั่งอาหารมักจะถามย้ำอยู่แล้ว แต่ใครซีเรียสเรื่องกินก็จำไว้หน่อยใช่ว่าใส่บ่าแบกหามจริงไหมครับ
อ้อ...อีกเรื่องที่ควรจำไว้คือถ้าหากต้องการทานไข่ดาวด้วยก็อย่าลืมเจาะจงกับน้องเขาด้วย ผมเห็นหลายครั้งแล้วที่ลูกค้าบางท่านรออยู่นานสองนานกว่าอาหารจะมา แต่แล้วก็ต้องเสียจังหวะเพราะต้องนั่งรอไข่ดาวอีก 5 - 10 นาที
ร้านเล้งกี่เปิดจันทร์ถึงศุกร์เวลา 11:30 - 15:00 และ17:00 - 20:00 วันเสาร์เปิดเฉพาะมื้อเที่ยงเวลา 11:30 - 16:00 ส่วนวันอาทิตย์ปิดนะครับ
ร้านนี้รับทำอาหารห่อด้วยนะครับ ใครสนใจติดต่อได้ที่ 02-215-4324 หรือ 086-992-1231 ถ้าจะสั่งหลาย ๆ ห่อ (20 ห่อขึ้นไป) ทางร้านเขาขอให้สั่งล่วงหน้า 1 วันนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ข้าวต้มเครื่องชั้นห้าดาว

ถ้าใครเคยรู้สึกอยากทานอะไรร้อน ๆ ตอนค่ำ ๆ ผมมีของดีมาแนะนำ


ข้าวต้มเครื่องเจ้าที่ผมกำลังคิดถึงนี้เป็นเจ้าเก่าแก่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่หลาย ๆ คนรู้จัก ใครที่คุ้นเคยกับพื้นที่จากสามย่านถึงหัวลำโพงคงจะร้องอ๋อถ้าเห็นคำว่าสะพานเหลือง เพราะใครผ่านไปผ่านมาแถวนั้นตอนเย็น ๆ ต้องสังเกตุเห็นว่าริมถนนบริเวณใกล้ ๆ โบสถ์สะพานเหลืองเป็นพื้นที่ที่มีรถราผู้คนพลุกพล่าน นักกินทั้งหลายพอเห็นบรรยากาศอย่างนี้ก็รู้ทันที่ว่าต้องเป็นบริเวณที่ีมีอาหารการกินเยอะแยะแน่นอน

ข้าวต้มร้านนี้ตั้งอยู่ข้าง ๆ ห้องแถวหนึ่งคูหาที่มีป้ายติดประกาศว่า "วิรุฬไอศครีม" เพื่อนกินบางท่านที่กำลังคิดในใจว่า "เอ้อ...แล้วไอศครีมรสชาติเป็นอย่างไรบ้างล่า" อย่าคิดครับ เพราะสิบกว่าปีที่แวะเวียนไปกินข้าวต้มร้านนี้ผมไม่เคยทานไอศครีม หรือแม้แต่จะเห็น
วี่แววของไอศครีมแม้แต่นิดเดียว ผมไม่ทราบว่าเป็นยังไงมายังไงร้านไอติมถึงขายข้าวต้มได้ เอาเป็นว่าข้าวต้มที่ว่านี่อร่อยจนคุณลืมไอติมไปได้เลย

สิ่งแรกที่เพื่อนกินจะได้รับเมื่อเข้าไปนั่งในร้านคือน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวหนึ่งถ้วยกับตะเกียบหนึ่งคู่ รายการอาหารอยู่บนผนังเพราะฉะนั้นไม่ต้องถา
มหาเมนูให้เสียฟอร์ม เมนูพื้นฐานที่สุด (และบังเอิญเป็นจาน(ชาม)โปรดของผมพอดี) คือข้าวต้มกุ้งปลาใส่บะเต็ง หรือที่บางท่านอาจเรียกว่าฮื้อแฮ้บะเต็ง
เพื่อนกินท่านอื่นอยากจะเลือกใส่แต่ปลา หรือกุ้งก็ได้ไม่มีใครว่าอะไร หรือจะเลือกใน่อาหารทะเลชนิดอื่น ๆ ก็ได้ เช่น หอยเป๋าฮื้อ และ หอยนางรม นอกจากอาหารทะเลแล้วผมเห็นลูกค้าประจำบางคนสั่งเป็นข้าวต้มใส่เซี่ยงจี๊ ผมเคยลองหนนึงแล้วพบว่าผมกับข้าวต้มเซี่ยงจี๊เข้ากันไม่ค่อยได้เลยไม่ได้สั่งมาทานอีกเลย เพื่อนกินท่านอื่นอาจจะถูกใจก็ได้

แต่ไม่ว่าจะสั่งข้าวต้มชนิดไหนมาทานผมขอแนะนำให้ลองใส่บะเต็งทานดูด้วย อาหารที่ควรจะเรียกเป็นเครื่องเคียงรายการนี้เป็นอาหารง่าย ๆ ที่เพิ่มรสชาติอร่อยให้ข้าวต้มได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าไม่ลองแล้วเสียใจภายหลังจะว่าผมไม่ได้นะครับ

สำหรับเที่พื่อนกินที่ไม่คุ้นทางแต่อยากไปทดลองชิมก็ให้เดินทางตามถนนพระราม 4 จากสามย่านมุ่งหน้าไปทางหัวลำโพง ย่านสะพานเหลืองจะอยู่ระหว่างแยกสามย่านกับสี่แยกบรรทัดทองนั่นเอง ถ้าไม่จำเป็น ผมแนะนำให้นั่งแท็กซี่ไปเพราะอาจจะหาที่จอดรถลำบากหน่อย หรือถ้าจำเป็นต้องขับรถไปแล้วหาที่จอดไม่ได้ ผมแนะนำให้กลับรถตรงแยกไฟแดงถนนบรรทัดทอง ถนนพระราม 4 ฝั่งตรงข้ามกับร้านมักจะมีที่จอดเสมอ

เรื่องสำคัญเรื่องสุดท้ายก่อนเดินเข้าร้านคือต้องอย่าลืมดูในกระเป๋าสตางค์เสียก่อนว่ามีเงินสดมากน้อยแค่ไหน ข้าวต้มอาหารทะเลราคาชามละ 200 บาท บัตรเครดิตไม่ต้องพูดถึงนะครับ

ร้านเปิดตั้งแต่เย็นจนถึงค่ำ ๆ ผมแนะนำให้ไปก่อนสามทุ่ม ถ้าไปดึกมากอาจจะไม่ได้กินบางอย่างได้เพราะของบางอย่างอาจหมด

อ้อ...นอกจากข้าวต้มแล้ว จะลองสั่งของกินจากร้านค้าแถวนั้นเข้าไปทานด้วยก็ได้ ของประจำของผมอีกอย่างคือหอยแครงลวก มีทั้งขนาดย่อม ๆ ไปจนถึงใหญ่ ใครชอบระดับความสุกแบบไหนบอกให้ชัดเจนตอนสั่งจะได้ไม่ต้องมีปัญหา จานเล็กทานได้ 1 - 2 คนสนนราคาประมาณ 80 บาท เรื่องท้องไส้หลังทานอาหารแล้วนี่ตััวใครตัวมันนะครับ